การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

อัญชลี ธรรมะวิธีกุล
ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
15 มิถุนายน 2554

1. ความเป็นมาของการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

การปฏิรูปการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ได้กำหนดไว้ดังนี้

          หมวด 4 แนวการจัดการศึกษามาตรา24 (5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้รวมทั้งสามารถ ใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ

          มาตรา30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา  

          หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา มาตรา 48 กำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัด สถานศึกษาจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการ

          หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษามาตรา 67 รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย

        ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2554 ได้กำหนดให้นำการวิจัยมาใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ดังนี้

       1. การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ มุ่งให้ผู้เรียนทำวิจัย เพื่อใช้กระบวนการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถวิจัยในเรื่องที่สนใจหรือต้องการหาความรู้หรือต้องการแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ ซึ่งกระบวนการวิจัยจะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิด ฝึกการวางแผน ฝึกการดำเนินงานและฝึกหาเหตุผลในการตอบปัญหา โดยผสมผสานองค์ความรู้แบบบูรณาการเพื่อให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง

       2. การวิจัยพัฒนาการเรียนรู้ มุ่งให้ผู้สอนสามารถทำวิจัย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ด้วยการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาการเรียนรู้ วางแผนแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ผู้สอนสามารถทำวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษาที่นำไปสู่คุณภาพการเรียนรู้ ด้วยการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาการเรียนรู้ ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ ทดลองใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ผลการใช้นวัตกรรมนั้น ๆและผู้สอนสามารถนำกระบวนการวิจัยมาจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ด้วยการใช้เทคนิควิธีการที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนจากการวิเคราะห์ปัญหา สร้างแนวทางเลือกในการแก้ไขปัญหา ดำเนินการตามแนวทางที่เลือก และสรุปผลการแก้ไขปัญหาอันเป็นการฝึกทักษะ ฝึกกระบวนการคิด ฝึกการจัดการจากการเผชิญสภาพการณ์จริง และปรับประยุกต์มวลประสบการณ์มาใช้แก้ไขปัญหา

        3. การวิจัยพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา มุ่งให้ผู้บริหารทำการวิจัยและนำผลการวิจัยมาประกอบการตัดสินใจ รวมทั้งจัดทำนโยบายและวางแผนบริหารจัดการสถานศึกษาให้เป็นองค์กรที่นำไป สู่คุณภาพการจัดการศึกษา และเป็นแหล่งสร้างเสริมประสบการณ์เรียนรู้ของผู้เรียนอย่างมีคุณภาพ

2. กระบวนการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

          กระบวนการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ มีขั้นตอนการวิจัยเช่นเดียวกับกระบวนการวิจัยโดยทั่วไป ดังนี้

แผนภูมิแสดงขั้นตอนการวิจัยโดยทั่วไป

          กระบวนการวิจัยเพื่อการเรียนรู้ ได้มีการนำกระบวนการวิจัยทั่วไปมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา  การเรียนรู้หรือการพัฒนาการเรียนรู้เป็นสำคัญ ดังนั้นในขั้นการศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา จึงต้องเน้นไปที่ผลการพัฒนาผู้เรียน 3 ด้าน คือด้านความรู้(Cognitive Domain) ด้านทักษะ(Psychomotor Domain) และด้านเจตคติ(Affective Domain) และก่อนที่ผู้สอนจะใช้การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อแก้ปัญหาหรือเพื่อพัฒนาผู้เรียน เช่นเดียวกันกับผู้บริหารจะทำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ซึ่งองค์ประกอบของกระบวนการวิจัยเพื่อการเรียนรู้ มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ดังแผนภูมิ

แผนภูมิแสดงองค์ประกอบการเรียนรู้ด้วยการวิจัย

การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ มุ่งเน้นผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ ด้วยการใช้การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ การวิจัยพัฒนาการเรียนรู้และการวิจัยพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

1.  การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ 

         การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ คือการนำระเบียบวิธีวิจัยมามาใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ซึ่งมาจากความเชื่อว่า “ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและพัฒนาตนเองได้” ดังนั้นการจัดการศึกษาจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ จากสื่อและอุปกรณ์ที่มีอยู่ตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ในครอบครัว ในสถานศึกษาและในชุมชนที่ผู้เรียนพบในชีวิตประจำวัน

         แนวคิดเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง มีหลายแนวคิด เช่น

        1) แนวคิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participation learning) ซึ่งเน้นการสร้างความรู้จากประสบการณ์เดิมของผู้เรียนและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน
         2) แนวคิดการเรียนรู้ตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งมี 3 ระดับ คือการรู้จำจากการบอกหรือสอน การรู้จักจากการคิดหาเหตุผล และการรู้แจ้งจากการสร้างความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งด้วยการค้นพบด้วยตนเอง
         3) แนวคิดการสร้างความรู้ (Constructivism) เน้นการสร้างความรู้ด้วยตนเองจากวิธีการต่าง ๆ กัน โดยอาศัยประสบการณ์เดิมจากโครงสร้างทางปัญญา และแรงจูงใจ

 จากแนวคิดดังกล่าวที่นำมาใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้ ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบโดยอาศัยกระบวนการวิจัยเข้ามาช่วยในการเรียนรู้ในเรื่องที่มีความซับซ้อนทำให้ผู้เรียนได้ฝึกคิด การจัดการ การหาเหตุผลในการแก้ปัญหา การผสมผสานความรู้แบบสหวิทยาการและการเรียนรู้ปัญหาที่ผู้เรียนสนใจ ครูจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนมีอิสระในการทดลองใช้แนวคิดและวิธีการต่าง ๆในการเรียนรู้ การทดสอบความรู้ที่ได้รับและการสรุปความรู้ เจตคติ และทักษะอันเป็นเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีพัฒนาการทางสติปัญญา ทางอารมณ์ สังคม และทางร่างกาย ซึ่งรูปแบบการวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ มีดังนี้

แผนภูมิ แสดงการวิจัยในกระบวนการเรียนรู้

จากแผนภูมิ การวิจัยในกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ คือผู้เรียนมีความรู้ เจตคติ และทักษะ ซึ่งได้จากการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยอย่างเป็นระบบ มี 5 ขั้นตอน ดังนี้

        ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ความต้องการการเรียนรู้ ขั้นตอนนี้ผู้เรียนจะต้องทราบความต้องการการเรียนรู้ของตนเอง มีการลำดับความสำคัญของความต้องการก่อนหลังที่ต้องการจะเรียนเรียน และนำเรื่องที่มีความสำคัญลำดับแรก มากำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้
        ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนการเรียนรู้ ผู้เรียนจะต้องวางแผนการเรียนรู้ของตนเองว่าจะเรียนเรื่องอะไร ใช้เวลาเรียนเท่าไร เรียนรู้ด้วยวิธีใด เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ใด ต้องใช้สื่ออะไร และเมื่อมีปัญหาในการเรียนจะต้องปรึกษาใคร เมื่อได้รับความรู้แล้วจะนำความรู้ไปใช้อย่างไร ตลอดจนวางแผนการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนางาน
        ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เป็นขั้นตอนของการปฏิบัติเพื่อแสวงหาความรู้ตามที่ได้วางแผนไว้ ซึ่งอาจใช้วิธีการต่าง ๆ ในการเรียนรู้ เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การบันทึกข้อความ การสรุปความ การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ เช่น ศูนย์วิทยาการ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อบุคคลและสื่อเทคโนโลยี เป็นต้น เมื่อได้ความรู้แล้วควรตรวจสอบความถูกต้องของความรู้ที่ได้ และนำความรู้ไปใช้ให้เป็นไปตามเป้าหมายของการเรียนรู้
        ขั้นตอนที่ 4 การสรุปความรู้ เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนสรุปความรู้และนำเสนอความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปภาพ แผนภาพ แผนภูมิ ฯลฯ และอาจใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีต่าง ๆมาช่วยในการนำเสนอ
       ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลเพื่อปรับปรุงและนำไปใช้ในการพัฒนา เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนประเมินกระบวนการเรียนรู้ของตนเองในระหว่างการเรียนรู้ทุกขั้นตอน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและการนำไปใช้พัฒนางานต่อไป

2.  การวิจัยพัฒนาการเรียนรู้

       ในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม  มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขนั้น ผู้สอนจะต้องคำนึงถึงมาตรฐานการจัดการศึกษา ที่กำหนดในการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ คือผู้เรียนจะต้องเกิดกระบวนการเรียนรู้ตรงตามเป้าหมายการเรียนรู้ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของผู้สอนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้จึงมีบทบาสำคัญในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนจำเป็นจะต้องบูรณาการภารกิจของการวิจัยมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนรู้ ดังนี้

       1. ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน ควรใช้กระบวนการวิจัยมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
       2. ทำวิจัยเพื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน
       3. นำผลการวิจัยมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอน

       ดังนั้น การใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้จึงเป็นภารกิจที่สำคัญและจำเป็นที่ผู้สอนควรนำมาใช้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ มีการดำเนินงาน ดังนี้

แผนภูมิ แสดงกระบวนการการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

จากแผนภูมิกระบวนการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ มี 5 ขั้นตอน ดังนี้

                ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์ความต้องการ/พัฒนาการเรียนรู้
                ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการจัดการเรียนรู้
                ขั้นตอนที่ 3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้
                ขั้นตอนที่ 4 ประเมินผลการเรียนรู้ 
                ขั้นตอนที่ 5 ทำรายงานผลการเรียนรู้

     กระบวนการทั้ง 5 ขั้นตอนผู้สอนจะต้องนำวิธีวิจัยมาใช้ในการดำเนินงาน และในขั้นตอนที่ 3 เมื่อผู้สอนทำการประเมินระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้แล้วพบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเล็กน้อย ผู้สอนจะต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้บรรลุผลตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ และเมื่อผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ในขั้นตอนที่ 4 แล้วพบว่าไม่มีปัญหา ผู้เรียนมีการพัฒนาการเรียนรู้ที่ตรงกับจุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนจะต้องจัดทำรายงานผลการเรียนรู้ เพื่อรายงานแก่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อทราบและใช้ประโยชน์ต่อไป

      ในกรณีผู้สอนทำการประเมินผลการเรียนรู้ในขั้นตอนที่ 4 แล้วพบว่ามีปัญหารุนแรง หรือพบว่ามีบางเรื่องที่จำเป็นต้องพัฒนา แต่ไม่อาจทำได้ทันที เช่น ผู้เรียนวิชาภาษาไทยขาดทักษะการอ่าน โดยเฉพาะการอ่านจับใจความ ผู้สอนจะต้องทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยดำเนินการดังนี้

           1) จัดกิจกรรมแก้ปัญหา/พัฒนา
           2) เก็บรวบรวมข้อมูล/วิเคราะห์ข้อมูล
           3) สรุปผลการแก้ปัญหา/พัฒนา

       เมื่อได้ผลการแก้ปัญหา/พัฒนาแล้ว ผู้สอนจะต้องกลับไปประเมินผลการเรียนรู้และรายงานต่อผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และเมื่อผู้สอนได้ทำวิจัยเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการจัดการเรียนรู้ได้แล้ว ผู้สอนจะต้องนำผลวิจัยไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ต่อไป

3.  การวิจัยพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา

       การจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบภายในของสถานศึกษา เช่น ผู้สอน ผู้เรียน หลักสูตร  สื่อ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ของสถานศึกษาดำเนินไปได้ด้วยดี คือผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งจะต้องระดมสรรพกำลังบุคลากรทุกฝ่ายตั้งแต่ ผู้สอน ผู้เรียน กรรมการสถานศึกษา และชุมชน มาร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ เพื่อกำหนดทิศทางหรือวิสัยทัศน์  จัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา จัดทำแผนปฏิบัติการ การดำเนินงานตามแผน การนิเทศติดตามผล และการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของสถานศึกษา

        กระบวนการต่าง ๆ ดังกล่าวถือว่าผู้บริหารสถานศึกษาได้นำกระบวนการวิจัยมาใช้ในการบริหารจัดการของสถานศึกษา ดังนี้

แผนภูมิแสดงการวิจัยพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา

      จากแผนภูมิจะเห็นได้ว่าผู้บริหารได้ใช้กระบวนการวิจัยมาดำเนินการบริหารสถานศึกษา เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการเพื่อกำหนดทิศทาง/วิสัยทัศน์จัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา/แผนปฏิบัติการ กำกับ ดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผน นิเทศ ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของสถานศึกษา

      ในกรณีที่ประเมินผลการดำเนินงานแล้วพบว่ามีปัญหารุนแรงหรือพบเรื่องที่ควรได้รับการพัฒนา ผู้บริหารจะต้องทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานดังกล่าวในระหว่างขั้นตอนที่ 4 ของการดำเนินงาน โดยมีขั้นตอนวิจัย 5 ขั้นตอน ดังนี้

                  1. การวิเคราะห์ปัญหา/พัฒนา
                  2. วางแผนแก้ปัญหา/พัฒนา
                  3. จัดกิจกรรมแก้ปัญหา/พัฒนา
                  4. เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล
                  5. สรุปผลการแก้ปัญหา/พัฒนา

        เมื่อสรุปผลการแก้ปัญหา/พัฒนา เสร็จแล้วขั้นต่อไปคือการนำผลการวิจัยไปใช้ และประเมินในขั้นตอนที่ 4 ของการดำเนินงานบริหารอีกครั้ง ถ้าพบว่าไม่มีปัญหา จึงจัดทำรายงานผลการดำเนินงานสถานศึกษาให้ผู้เกี่ยวข้องทราบหรือเป็นข้อมูลในการพัฒนา ต่อไป

แหล่งอ้างอิง

1.  กระทรวงศึกษาธิการ.(2548) มาตรฐานการศึกษาของชาติ.กรุงเทพฯ : สหายบล็อกและการพิมพ์
2.  กรมวิชาการ.(2545) การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว
3.  สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน)(2547).พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค

*******************************************

16 Replies to “การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้”

  1. ขอบพระคุณ อ.ขิง มากครับ
    ทางเพชรบูรณ์จะอบรมเรื่องวิจัย ในวันที่ 20-22 ก.ค. 54 พอดีครับ

    1. ดิฉันยังมีบทความเรื่องการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ สำหรับ กศน.อีก 3 ตอน
      1 การวิจัยในชั้นเรียน หรือการวิจัยอย่างง่าย
      2.การจัดกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบการวิจัย
      3. การวิจัยเพื่อการพัฒนาสถานศึกษาไปสู่มาตรฐานการศึกษา
      คอยติดตามนะคะ
      อาจารย์ขิง

  2. ท่าน ศน.ที่เคารพ
    ขอความกรุณานำเสนอเรื่องการวิจัยในชั้นเรียนก่อนโดยด่วนค่ะ เพราะอยากให้
    ครูกศน.ตำบล ได้มีแหล่งศึกษาทำความเข้าใจและลงมือปฏิบัติจริงบ้าง
    ดว้ยความเคารพ
    จิรวรรณ กศน.ทรายทองวัฒนา กำแพงเพชร

    1. เรียน ผอ.จิรวรรณ ที่เคารพ
      อาจารย์จาก กศน. กำแพงเพชรได้ไปเข้ารับการอบรม เรื่องวิจัยชั้นเรียนที่สถาบัน กศน.ภาคเหนือ เมื่อสัปดาห์ก่อน และคงจะจัดอบรมให้ ครู กศน.กำแพงเพชร เร็ว ๆ นี้ ค่ะ
      อาจารย์ขิง

  3. เรียน ท่าน ศน.ที่เคารพ
    ปิ่นก็ส่งครูไปอบรมที่ภาค 1 คน ค่ะ สนง.กศน.จังหวัดจะจัดให้ครูอำเภอละ 2 คนค่ะ แต่ปิ่นอยากให้ครูได้ทำวิจัยอย่างง่ายให้ได้หลายคนกว่านี้หน่อยค่ะ ตอนนี้ปิ่นก็กำลังศึกษาเรื่องนี้กับสถาบันทางไกล
    ที่อำเภอของปิ่นเขามีโรงเรียนคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ปิ่นได้รับผิดชอบด้านการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ก็นำเนื้อหาของท่านนี้แหละไปถ่ายทอดต่อทุกเรื่องเลยค่ะ
    ขอให้ท่าน ศน. มีความสุขกาย สุขใจ มีพลังในการนำเสนอสิ่งดีๆ ต่อไป
    ด้วยความเคารพ
    จิรวรรณ กศน.ทรายทองวัฒนา กำแพงเพชร

  4. อาจารย์ขา หนูอยากได้เครื่องมือวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาการสอนและกระบวนการ
    เรียนรู้ของผู้เรียนอ่ะค่ะ เพราะที่ตรังแหล่งค้นคว้าเครื่องมือไม่มี อ้อ! ลืมบอกไปหนู
    เป็นศึกษานิเทศก์ อยู่ สพป.ตรัง 1 อยู่กลุ่มหลักสูตร รับผิดชอบงาน
    ศึกษาวิเคราะห์วิจัย เพื่อพัฒนาการสอนและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนค่ะ

    1. สวัสดีค่ะ ศน. ชวัลภร
      ดิฉันขอข้อมูลเพิ่มเติม 3 ข้อ ค่ะ
      1. ชื่องานวิจัย
      2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
      3. ขอบเขตการวิจัย
      อาจารย์ขิง

  5. เรียน อาจารย์ขิง

    ผมชื่อ วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์
    ผมเขียนทฤษฎีการเรียนรู้ของมนุษย์ขึ้นมา 4 ทฤษฎี,ซึ่งสามารถอธิบายพฤติกรรมมนุษย์ได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้,วิธีคิด และการตัดสินใจ.
    ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์สนใจหรือไม่,ผมยินดีให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติครับ.

    ขอแสดงความนับถือ
    วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์

    1. สวัสดีค่ะคุณวิโรจน์
      ดิฉันสนใจมากค่ะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการ ส่งมาเผยแพร่ใน Panchalee blog ได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
      อาจารย์ขิง

      1. เรียน อาจารย์ขิง

        ผมเขียนทฤษฎีของผมเป็น file word ผมจะส่งให้ อาจารย์ได้อย่างไรครับ?
        ผมไม่เคยใช้blog , รู้จักแต่ e-mail ครับ.โปรดแนะนำด้วยครับ.

        ขอแสดงความนับถือ
        วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์

      2. สวัสดีค่ะคุณวิโรจน์
        ส่งมาทาง e-mail เหมือนเดิมค่ะ
        อาจารย์ขิง

  6. เรียน อาจารย์ขิง

    ผมขอ e-mail ของอาจารย์ขิง หน่อยครับ.

    ขอแสดงความนับถือ
    วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์

  7. เรียน อาจารย์ขิง

    ผมต้องขออภัยที่หายเงียบไปนานหลายเดือน,เพราะติดภาระกิจและปัญหาหลายด้าน.

    แต่ขณะเดียวกันผมก็ได้สืบค้นวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้องและได้คำแนะนำที่ดีมากจาก

    ท่าน ดร.ปรัชญา แก้วแก่น
    (วิทยาลัยวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา ,มหาวิทยาลัยบูรพา) ซึ่งท่านสอนวิชา

    Neuroscience and Learning Psychology (Basic Molecular Neuroscience to Behavior)

    และท่านได้บอกผมว่าทฤษฎีที่ผมเขียนนั้นมันเกี่ยวข้องกับ
    สาขาวิชา Model Based Cognitive Neuroscience ซึ่งในประเทศไทยไม่มีการเรียนการสอนครับ.

    ผมจะรีบส่ง Email หนังสือ(ชุดเดิม)ที่ผมเขียนให้ท่านอาจารย์ก่อนและกำลังปรับปรุงการอ้างอิงทางวิชาการกับเอกสารวิจัยจากต่างประเทศ,ซึ่งจะทำให้เห็นพัฒนาการทางวิชาการและเกิดการยอมรับในวงกว้าง ซึ่งผมจะทะยอยส่งเพิ่มเติมให้ครับ.

    ขอแสดงความนับถือ

    วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์

  8. เรียน อาจารย์ขิง

    ผมได้สง่mail หนังสือให้ อจ. ขิง แล้วครับ , ถ้าไม่ได้รับโปรดแจ้งผมด้วยครับ,จะได้ลองส่งอีกครั้งครับ.

    ขอแสดงความนับถือ

    วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์

  9. เรียน อาจารย์ขิง

    อาจารย์ขิง มี facebook รึปล่าวครับ ,ผมจะส่งคลิปอธิบายเรื่องการเรียนรู้ของมนุษย์ครับ.

    ขอแสดงความนับถือ
    วิโรจน์ วิวัฒน์รังสรรค์

ใส่ความเห็น