อัญชลี ธรรมะวิธีกุล
ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
21 ธันวาคม 2553
1.พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551
1.1 ความหมาย ของการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ได้ให้ความหมาย การศึกษานอกระบบและการศึกตามอัธยาศัยในมาตรา 4 ไว้ดังนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ.2551:3-4)
การศึกนอกระบบ หมายความว่ากิจกรรมการศึกษาที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการและวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีรูปแบบ หลักสูตร วิธีการจัดและระยะเวลาเรียนหรือฝึกอบรมที่ยืดหยุ่นและหลากหลายตามสภาพความต้องการและศักยภาพในการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมายนั้นและมีวิธีการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานเพื่อรับคุณวุฒิทางการศึกษาหรือเพื่อจัดระดับผลการเรียนรู้
การศึกษาตามอัธยาศัย หมายความว่า กิจกรรมการเรียนรู้ในวิถีชีวิติประจำวันของบุคคล ซึ่งบุคคลสามารถเลือกที่จะเรียนรู้ได้อย่าต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความต้องการ โอกาส ความพร้อม และศักยภาพในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
1.2 หลักการ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
หลักการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ยึด หลัก ดังต่อไปนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ.2551:8-9)
1) การศึกษานอกระบบ
1.1) ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง ทั่วถึงเป็นธรรม และมีคุณภาพ เหมาะสมกับสภาพชีวิตของประชาชน
1.2) การกระจายอำนาจแก่สถานศึกษาและการให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเรียนรู้
2) การศึกษาตามอัธยาศัย
2.1) การเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจและวิถีชีวิตของผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย
2.2) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีความหลากหลายทั้งส่วนที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และส่วนที่นำ เทคโนโลยีมาใช้เพื่อการศึกษา
2.3) การจัดกรอบหรือแนวทางการเรียนรู้ที่เป็นคุณประโยชน์ต่อผู้เรียน
1.3 เป้าหมายของการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีดังต่อไปนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ.2551:10 -11)
1) การศึกษานอกระบบ
1.1) ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังคนและสังคม ที่ใช้ความรู้และภูมิปัญญาเป็นฐานในการพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง และคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ตามแนวทางการพัฒนาประเทศ
1.2) ภาคีเครือข่ายเกิดแรงจูงใจและมีความพร้อมในการมีส่วนร่วมเพื่อจัดกิจกรรมการศึกษา
2) การศึกษาตามอัธยาศัย
2.1) ผู้เรียนได้รับความรู้และทักษะพื้นฐานในการแสวงหาความรู้ที่จะเอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2.2) ผู้เรียนได้เรียนรู้สาระที่สอดคล้องกับความสนใจและความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
2.3) ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์และเทียบโอนผลการเรียนกับการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ
1.4 อำนาจหน้าที่ของ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 กำหนดไว้ในมาตรา 14 ให้มีสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ขึ้นในสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรียกโดยย่อว่า “สำนักงาน กศน.” โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้(กระทรวงศึกษาธิการ.2551: 22-25)
1) เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ
2) จัดทำข้อเสนอแนะนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยต่อคณะกรรมการ
3) ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ การวิจัย การพัฒนา หลักสูตรและนวัตกรรมทางการศึกษา บุคลากรและระบบข้อมูลข่าวสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
4) ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ และการเทียบระดับการศึกษา
5) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และองค์กรอื่นรวมตัวกันเป็นภาคีเครือข่าย เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
6) จัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา วิทยุชุมชน ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนชุมชน และแหล่งการเรียนรู้อื่น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่องของประชาชน
7) ดำเนินการเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
8) ปฏิบัติงานอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน หรือตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
1.5 สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 กำหนดให้มี สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเรียกโดยย่อว่า “สำนักงาน กศน. จังหวัด”ทุกจังหวัด จำนวน 75 แห่ง และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร เรียกโดยย่อว่า”สำนักงาน กศน.กทม.” 1 แห่ง เป็นหน่วยงานการศึกษา สังกัดสำนักงาน กศน. ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาการนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และได้กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ดังนี้(กระทรวงศึกษาธิการ.2551:31-37)
มาตรา 18 ให้สถานศึกษาทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน และจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยร่วมกับภาคีเครือข่ายการดำเนินงานของสถานศึกษา อาจจัดให้มีศูนย์การเรียนชุมชนเป็นหน่วยจัดกิจกรรมและสร้างกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนก็ได้ การจัดตั้ง ยุบ เลิก รวม การกำหนดบทบาท อำนาจหน้าที่ของสถานศึกษาให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา 19 ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งมีคณะกรรมการสถานศึกษา
มาตรา 20 ให้สำนักงาน จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษานอกระบบซึ่งเป็นระบบประกันคุณภาพภายในสำหรับสถานศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ให้สถานศึกษาดำเนินการประกันคุณภาพภายในให้สอดคล้องกับระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพภายใน โดยได้รับความร่วมมือ ส่งเสริมและสนับสนุน จากภาคีเครือข่าย และสำนักงาน ระบบหลักเกณฑ์และวิธีประกันคุณภาพภายในให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
2.สถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
2.1 สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีจำนวน 964 แห่ง มี ดัง นี้ (ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ.2551:1-34)
1) สถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร คือ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเขต (กศน. เขต) จำนวน 50 แห่ง
2) สถานศึกษาสังกัดสำนักส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด คือ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ (กศน.อำเภอ) จำนวน 877 แห่ง
3) สถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จำนวน 37 แห่ง มีดังนี้
(1) ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง)
(2) ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(3) ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนจำนวน 7 แห่ง
(4) ศูนย์ฝึกวิชาชีพจังหวัดกาญจนบุรี”สามสงฆ์ทรงพระคุณ”
(5) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จำนวน 12 แห่ง
(6) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (เอกมัย)
(7) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิต
(8) ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด
(9) อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
(10) ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษ
(11) สถาบันการศึกษาทางไกล
(12) สถาบันการศึกษาต่อเนื่องสิรินธร
(13) สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร
(14) สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาค
(15) สถาบันส่งเสริมและ พัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
2.2 อำนาจและหน้าที่ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยต่อไปนี้(ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ.2551:2-37)
1) ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ/เขต มี อำนาจหน้าที่ ดัง ต่อไปนี้(ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ.2551:2-37)
(1) จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(2) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานภาคีเครือข่าย เพื่อการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย
(3) ดำเนินการตามนโยบายพิเศษของรัฐบาลและงานเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ
(4) จัด ส่งเสริม สนับสนุนและประสานงานการจัดการศึกษาตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่
(5) จัด ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น
(6) วิจัยและพัฒนาคุณภาพหลักสูตร สื่อ กระบวนการเรียนรู้ และมาตรฐานการศึกษานอกระบบ
(7) ดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน การเทียบโอนความรู้แลประสบการณ์
(8) กำกับ ดูแล ตรวจสอบ นิเทศภายใน ติดตามประเมินผลและรายงานผลการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(9) พัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(10) ระดมทรัพยากรเพื่อใช้ในการจัดและพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(11) ดำเนินการประกันคุณภาพภายใน ให้สอดคล้องกับระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด
(12) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
2) ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก(วิทยาลัยในวัง) เรียกโดยย่อว่า ศกภ.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) ฝึกอบรมศิลปะไทยโบราณช่างสิบหมู่ และศิลปวัฒนธรรมไทยแก่ประชาชนทั่วไป
(2) จัดนิทรรศการงานศิลปะไทยโบราณ ในรูปแบบนิทรรศการถาวร และนิทรรศการเคลื่อนที่เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย
(3) ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน การจัดฝึกอบรมวิชาชีพศิลปะไทยโบราณ ช่างสิบหมู่ และศิลปวัฒนธรรมไทยกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
(4) พัฒนาหลักสูตร สื่อ กระบวนการเรียนรู้ บุคลากรด้านวิชาชีพ ศิลปะไทยโบราณ และศิลปวัฒนธรรมไทย
(5) ศึกษา ค้นคว้า วิจัย พัฒนา เผยแพร่ เพื่ออนุรักษ์ศิลปะไทยโบราณ และศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
(6) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
3) ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เรียกโดยย่อว่า ศฝก.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) จัดการศึกษา ฝึกอบรมและสาธิตด้านเกษตรกรรมธรรมชาติ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกษตรธรรมชาติ แนวทางอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับนิเวศเขตร้อน ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร เทคโนโลยีการเกษตร สมุนไพร และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรธรรมชาติ
(2) เป็นศูนย์การเรียนรู้และเผยแพร่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะด้านเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(3) วิจัย ทดลอง เผยแพร่เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านเกษตรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและองค์ความรู้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรธรรมชาติ
(4) ส่งเสริม สนับสนุน ประสานกับชุมชน หน่วยงานเครือข่าย ทั้งภาครัฐภาคเอกชนเพื่อแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน โดยเน้นองค์ความรู้เกี่ยวข้องกับเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(5) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
4) ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน เรียกโดยย่อว่า ศฝช.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) จัดการศึกษาและฝึกอบรมด้านอาชีพ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจำเป็น ความต้องการ ของประชาชนบริเวณชายแดน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมสนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงและการเมือง
(2) เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง วิจัย และเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาการศึกษาด้านอาชีพและสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนบริเวณชายแดน
(3) พัฒนาบุคลากร พัฒนาหลักสูตร สื่อ รูปแบบการเรียนการสอนด้านอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
(4) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาด้านอาชีพร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่บริเวณชายแดน ที่รับผิดชอบ และเผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(5) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ที่ | ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน | พื้นที่บริการ |
1 | เชียงราย | เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา |
2 | ชุมพร | ชุมพร ระนอง และประจวบคีรีขันธ์ |
3 | ปัตตานี | ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล |
4 | สระแก้ว | สระแก้ว จันทบุรี และตราด |
5 | อุตรดิตถ์ | อุตรดิตถ์ น่าน ตาก เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก |
6 | มุกดาหาร | มุกดาหาร อุบลราชธานี นครพนม เลย หนองคาย และอำนาจเจริญ |
7 | สุรินทร์ | สุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ |
5 ) ศูนย์ฝึกวิชาชีพจังหวัดกาญจนบุรี”สามสงฆ์ทรงพระคุณ”เรียกโดยย่อว่า ศฝส.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) จัดการศึกษาและฝึกอบรมด้านอาชีพ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจำเป็น ความต้องการของประชาชนบริเวณชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี โดยมุ่งเน้นให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมสนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงและการเมือง
(2) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาด้านอาชีพร่วมกับภาคีเครือข่ายและเผยแพร่ในโครงการพระราชดำริ ในพื้นที่บริเวณชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี
(3) เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง วิจัย และเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาการศึกษาด้านอาชีพและสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนบริเวณชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี
(4) พัฒนาบุคลากร พัฒนาหลักสูตร สื่อ รูปแบบการเรียนการสอนด้านอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น
(5) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
6) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เรียกโดยย่อว่า ศว.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1)จัดและบริการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม แก่นักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอกระบบโรงเรียนและประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ
(2) ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนารูปแบบกิจกรรม หลักสูตร สื่อ และกระบวนการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม อาทิ ดาราศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา เทคโนโลยีที่เหมาะสม
(3) เผยแพร่และบริการรูปแบบกิจกรรม หลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(4) พัฒนาครู อาจารย์ วิทยากร และบุคลากรทางการศึกษา ผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(5) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(6) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ที่ | ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา | พื้นที่บริการ |
1 | กาญจนบุรี | สุพรรณ นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี |
2 | ขอนแก่น | สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู เลย อุดรธานี และขอนแก่น |
3 | ตรัง | ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ และตรัง |
4 | นครราชสีมา | ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และนครราชสีมา |
5 | นครศรีธรรมราช | ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช |
6 | นครสวรรค์ | อุทัยธานี กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ |
7 | พระนครศรีอยุธยา | สิงห์บุรี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา |
8 | ยะลา | นราธิวาส ปัตตานี สตูล และยะลา |
9 | ลำปาง | เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง |
10 | สมุทรสาคร | ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสาคร |
11 | สระแก้ว | สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว |
12 | อุบลราชธานี | ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี |
7) ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเพื่อการศึกษารังสิต เรียกโดยย่อว่า ศว. รังสิต
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) จัดและบริการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม แก่นักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอกระบบโรงเรียนและประชาชนทั่วประเทศ
(2) ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนารูปแบบกิจกรรม หลักสูตร สื่อ และกระบวนการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม อาทิ ดาราศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา เทคโนโลยีที่เหมาะสม
(3) เผยแพร่และบริการรูปแบบกิจกรรม หลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(4) พัฒนาครู อาจารย์ วิทยากร บุคาคลากรทางการศึกษา ผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(5) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(6) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
8) ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อการศึกษาร้อยเอ็ด เรียกโดยย่อว่า ศว.ร้อยเอ็ด
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) เป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเน้นการจัดสภาพแหล่งเรียนรู้ด้วยสื่อเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมสมัยใหม่และวัฒนธรรมภาคอีสาน
(2) จัดกิจกรรมการศึกษาบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม สนับสนุนการเรียนรู้พัฒนาทักษะกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป
(3) เป็นแหล่งกลางในการ ค้นคว้า วิจัย พัฒนา สาธิต ส่งเสริมและเผยแพร่การประดิษฐ์ คิดค้นที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม รวมทั้งให้รู้จักใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
(4) ฝึกอบรมปฏิบัติการให้ความรู้แก่ ครู อาจารย์ เพื่อเพิ่มทักษะ เทคนิคการใช้ การผลิตสื่อสร้างสรรค์ นวัตกรรมการศึกษาประกอบการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และด้านวัฒนธรรม
(5) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานกับหน่วยงานเครือข่าย ในการจัดและให้บริการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแก่กลุ่มเป้าหมาย
(6) เผยแพร่และให้บริการ ข้อมูล ข่าวสาร สื่อ และรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แก่หน่วยงานเครือข่ายและบุคคลทั่วไป
(7) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
9) สถาบันการศึกษาและพัฒนาต่อเนื่องสิรินธร เรียกโดยย่อว่า สธ.
มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) จัดบริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับประชาชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
(2) ฝึกอบรมและพัฒนาสมรรถภาพการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับบุคลากรภาครัฐ เอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
(3) วิจัย พัฒนารูปแบบ กระบวนการจัดการศึกษา การฝึกอบรม และการพัฒนาบุคลากร
(4) ส่งเสริมให้บริการข่าวสารข้อมูลแก่ประชาชนด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(5) ส่งเสริม ประสานงาน การทำงานร่วมกันกับภาคีเครือข่าย
(6) รวบรวม เผยแพร่พระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ด้านการศึกษา ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
(7) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
10) สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร
มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) จัดการศึกษานอกระบบประเภทการศึกษาต่อเนื่องที่ต้องใช้ทักษะ เทคนิค ความชำนาญการเป็นพิเศษ
(2) จัดการศึกษานอกระบบหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
(3) จัดการศึกษานอกระบบสำหรับกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่มีวิธีการจัดการศึกษาเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กด้อยโอกาส สตรีกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น
(4) วิจัยและพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ที่รับผิดชอบ
(5) ศึกษารูปแบบ ทดลอง นำร่องการจัดการเรียนการสอนสำหรับชุมชนเมือง
(6) เป็นศูนย์ประเมินความรู้ ประสบการณ์และเทียบระดับการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบ
(7) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
11) สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาค มี 5 ภาค ภาคละ 1 แห่ง
สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาค แต่ละแห่งรับผิดชอบพื้นที่บริการ ดังนี้
ที่ | สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาค | พื้นที่บริการ |
1 | สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคกลาง | พื้นที่บริการ 16 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบุรี กาญจนบุรี ชัยนาท นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และจังหวัดอ่างทอง |
2 | สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคตะวันออก | พื้นที่บริการ 9 จังหวัด คือ จังหวัดจันทบุรี เชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว |
3 | สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | พื้นที่บริการ 19 จังหวัด คือ จังหวัดเลย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และจังหวัดอุบลราชธานี |
4 | สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคเหนือ | พื้นที่บริการ 17 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ และจังหวัดอุทัยธานี |
5 | สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคใต้ | พื้นที่บริการ 14 จังหวัด คือ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และจังหวัดสุราษฏร์ธานี |
12) สถาบันส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ เรียกโดยย่อว่า สพร.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) จัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการและรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่นโปรแกรมการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต โปรแกรมการทัศนศึกษาเพื่อการเรียนรู้ การเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อ รูปแบบต่าง ๆ และการเรียนรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น
(2) บริการรับรองความรู้และประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้
(3)ให้บริการและเผยแพร่สารสนเทศเพื่อการเรียนรู้
(4) ถ่ายทอดและฝึกอบรมแนวทางจัดการเรียนรู้
(5) วิจัยและพัฒนากระบวนการ รูปแบบ และนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
(6) ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายการจัดการเรียนรู้
(7) พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อจัดการเรียนรู้
(8) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
13) อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรียกโดยย่อว่า อวท.
มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) ปลูกฝังความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และความภาคภูมิใจในพระอัจฉริยะภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย ที่ได้ทรงบุกเบิกงานด้านดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไทย
(2) จัดและบริการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม แก่นักเรียน นักศึกษาทั้งในและนอกระบบโรงเรียนและประชาชนทั่วประเทศ
(3) ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนารูปแบบกิจกรรม หลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม อาทิวิทยาศาสตร์ทางทะเล ดาราศาสตร์ เทคโนโลยีที่เหมาะสม
(4) เผยแพร่และบริการรูปแบบกิจกรรม หลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(5) พัฒนาครู อาจารย์ วิทยากร และบุคลากรทางการศึกษา ผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(6) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
(7) ส่งเสริมและพัฒนาอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
(8) ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
3.กิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
กิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่จัดในปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้(สำนักงาน กศน.2553: 10 – 18)
1) กิจกรรมการศึกษานอกระบบ
1.1) การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับ ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
1.2) การส่งเสริมการรู้หนังสือ
1.3) การศึกษาต่อเนื่อง
1.3.1) การศึกษาเพื่อพัฒนาการงานและอาชีพ
1.3.2 )การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต
1.3.3) การศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน
2) กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย
2.1) การส่งเสริมการอ่าน
2.2) ห้องสมุดประชาชน
2.3) วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
4.กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีดังนี้ (สำนักงาน กศน. 2553:3)
1) กลุ่มเป้าหมาย เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
1.1) ผู้ด้อยโอกาส
1.2) ผู้พิการหรือทุพพลภาพ
1.3) ผู้สูงอายุ
1.4) ชนต่างวัฒนธรรม
1.5) ประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจใฝ่เรียนรู้
2) กลุ่มเป้าหมาย เพื่อการพัฒนาความสามารถในเชิงการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
2.1) ผู้อยู่ในวัยแรงงานที่อยู่นอกระบบ
2.2) ผู้อยู่ในวัยแรงงานที่อยู่ในระบบ
อ้างอิงบทความนี้ อัญชลี ธรรมะวิธีกุล: การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในปัจจุบัน(1) https://panchalee.wordpress.com/2010/12/21/nfe_ac1/
***********************************
ขอบพระคุณ อ.ขิง ครับ
ขอบพระคุณ อาจารย์ขิง ค่ะ
อากาศทางภาคเหนือ เย็นสบาย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
blog ของอาจารย์มีประโยชน์มากมายเลยครับ ขอบคุณที่สรรหาสิ่งดี ๆ มาเผยแพร่ครับ
สวัสดีค่ะคุณ Kornkrit
ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ
อาจารย์ขิง
ขอขอบคุณอาจารย์มากๆเลยคะ หนูจะได้นำไปอ่านสอบครู กศน พอดีเลยคะ
สวัสดีค่ะคุณน้ำหวาน
ข้อมูลเกี่ยวกับ กศน.มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าอ่านตอนไหนไม่เข้าใจ ถามได้นะคะ
อาจารย์ขิง
สวัสดีค่ะอาจารย์น้ำหวาน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
อาจารย์ขิง
อยากได้เมลอาจารย์ครับ
สวัสดีค่ะ ดร.คำดี
anchalee@nfe.go.th
อัญชลี ธรรมะวิธีกุล
ขอบพระคุณอ.ขิงสำหรับข้อมูลดีๆครับ
ทำไมไม่มีบทบาทหน้าที่ของสถาบันภาค ทั้ง 5 ภาค ด้วยค่ะ…ขอบคุณค่ะ
ขอขอบคุณมากครับ